ทำความรู้จักกับสัญลักษณ์ซักผ้าที่คุณต้องรู้ ช่วยถนอมผ้าให้คุณใส่ได้นาน

รู้หรือไม่? ป้ายเล็ก ๆ ที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าทุกชิ้น จริง ๆ แล้วมีความสำคัญมากกว่าที่คุณคิด เพราะบนป้ายนั้นมีสัญลักษณ์ซักผ้าที่บอกถึงวิธีการดูแลรักษาเสื้อผ้าอย่างถูกวิธี ทั้งการซัก การอบไปจนถึงการรีด เพื่อคงความสวยงาม ไม่เสียทรงและยืดอายุการใช้งานของเสื้อให้ยาวนานยิ่งขึ้น วันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับสัญลักษณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อให้คุณสามารถดูแลเสื้อผ้าได้อย่างมืออาชีพ
สัญลักษณ์ซักผ้า คืออะไร
สัญลักษณ์ซักผ้า คือภาษาสากลที่ใช้สื่อสารวิธีการดูแลรักษาเสื้อผ้าแต่ละชิ้น โดยจะปรากฏอยู่บนป้ายที่เย็บติดไว้บริเวณตะเข็บด้านในของเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นบริเวณคอเสื้อหรือชายเสื้อ สัญลักษณ์เหล่านี้จะบอกรายละเอียดที่จำเป็นทั้งหมดในการดูแลรักษา ตั้งแต่วิธีการซัก อุณหภูมิที่เหมาะสม ไปจนถึงข้อควรระวังต่าง ๆ โดยเป็นมาตรฐานที่ใช้ร่วมกันทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะซักด้วยเครื่องซักผ้ายี่ห้อใดหรือขนาดใด ก็สามารถอ้างอิงตามสัญลักษณ์เหล่านี้ได้
สัญลักษณ์ซักผ้ามีความสำคัญอย่างไร
เสื้อผ้าแต่ละชิ้นผลิตจากเส้นใยที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน จึงต้องการการดูแลที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้น เพื่อช่วยให้คุณดูแลเสื้อผ้าได้อย่างถูกวิธีสัญลักษณ์ซักผ้าจึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจก่อนซื้อได้อีกด้วย เพราะบางครั้งเสื้อผ้าบางชิ้นอาจจะต้องการการดูแลพิเศษ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง เช่น เสื้อโค้ทต้องซักแห้งเท่านั้น ผ้าฝ้ายห้ามซักด้วยน้ำอุ่น เป็นต้น เพราะฉะนั้น หากคุณรู้จักและเข้าใจความหมายของสัญลักษณ์เหล่านี้ ก็จะช่วยป้องกันความเสียหายของเสื้อผ้าที่อาจเกิดจากการซักที่ไม่ถูกวิธี และช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย
7 สัญลักษณ์ซักผ้า มีอะไรบ้าง
เพื่อรักษาเสื้อผ้าให้คงคุณภาพที่ดีและใส่ไปได้นาน ๆ มาทำความเข้าใจกับสัญลักษณ์ซักผ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่วิธีการซัก การใช้น้ำยาฟอกขาว การตาก การอบผ้า การซักแห้ง ไปจนถึงการรีดกัน ดังนี้
1. วิธีการซัก
สำหรับสัญลักษณ์แรก คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงวิธีการซักเสื้อผ้าว่า ผ้าชิ้นนี้ สามารถซักได้ด้วยวิธีไหนบ้าง ซึ่งจะแสดงเป็นรูปอ่างน้ำหรือกะละมัง โดยมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป ดังนี้

- ไม่มีขีดใต้อ่าง สามารถซักได้ปกติด้วยเครื่องซักผ้าในโหมดทั่วไป เหมาะสำหรับผ้าฝ้าย
- มีขีดใต้อ่าง 1 ขีด ควรซักในโหมดถนอมผ้า เพราะผ้าอาจจะยับได้ง่าย
- มีขีดใต้อ่าง 2 ขีด ต้องซักในโหมดถนอมผ้าพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ใส่ผ้าเกิดความเสียหาย
- รูปมือในอ่าง ต้องซักมือเท่านั้น ห้ามซักเครื่อง
- มีกากบาททับอ่าง ห้ามซักด้วยวิธีปกติทั้งซักมือและซักเครื่อง ให้ซักแห้งเท่านั้น
2. อุณหภูมิในการซัก
สำหรับสัญลักษณ์ซักผ้าที่บอกถึงอุณหภูมิของน้ำที่ควรใช้ในการซักนั้น หลายคนอาจจะมองข้ามหรือไม่เคยให้ความสนใจ แต่เสื้อผ้าบางชนิดก็จำเป็นต้องใช้อุณหภูมิที่เหมาะสมในการซัก เพื่อรักษาคุณภาพของเนื้อผ้าเช่นกัน ทั้งนี้ การบอกอุณหภูมิในการซัก จะเป็นรูปอ่างน้ำและมีจุดหรือตัวเลขกำกับอยู่ ดังนี้

- อ่างน้ำและมี 1 จุด หรือ 30°C สามารถซักในน้ำที่อุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียสได้
- อ่างน้ำและมี 2 จุด หรือ 40°C สามารถซักในน้ำที่อุณหภูมิไม่เกิน 40 องศาเซลเซียสได้
- อ่างน้ำและมี 3 จุด หรือ 50°C สามารถซักในน้ำที่อุณหภูมิไม่เกิน 50 องศาเซลเซียสได้
- อ่างน้ำและมี 4 จุด หรือ 60°C สามารถซักในน้ำที่อุณหภูมิไม่เกิน 60 องศาเซลเซียสได้
- อ่างน้ำและมี 5 จุด หรือ 70°C สามารถซักในน้ำที่อุณหภูมิไม่เกิน 70 องศาเซลเซียสได้
- อ่างน้ำและมี 6 จุด หรือ 95°C สามารถซักในน้ำที่อุณหภูมิไม่เกิน 95 องศาเซลเซียสได้
3. การใช้สารฟอกขาว
แน่นอนว่าเสื้อผ้าที่เราใส่ในทุก ๆ วัน ก็ต้องมีฝุ่นหรือคราบสกปรกอยู่แล้ว ดังนั้น เพื่อให้ผ้ากลับมาสีสันสดใส และสะอาดเหมือนใหม่อีกครั้ง ก็จำเป็นต้องมีการใช้สารฟอก ซึ่งสารชนิดนี้สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ
- คลอรีน บลีช (Chlorine Bleach) สำหรับซักผ้าขาวโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับซักผ้าฝ้ายและผ้าลินิน ช่วยขจัดคราบต่าง ๆ ที่ฝังแน่น ให้ผ้ากลับมาสะอาด สดใสเหมือนใหม่ แต่จะไม่เหมาะสำหรับการใช้กับผ้าไหม ผาขนสัตว์และผ้าไนลอน เพราะอาจทำให้เนื้อผ้าเกิดความเสียหายได้
- ออกซิเจน บลีช (Oxygen Bleach) จะเหมาะสำหรับเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบสกปรกทั่วไป สามารถใช้ได้กับผ้าสีชนิดต่าง ๆ
นอกจากประเภทของสารฟอกขาวแล้ว มาดูกันว่าสัญลักษณ์ซักผ้าสำหรับหมวดการฟอกขาวนั้น มีอะไรบ้าง ดังนี้

- สามเหลี่ยม สามารถใช้สารฟอกขาวได้ทุกชนิด
- สามเหลี่ยมมีตัวอักษร CL สามารถใช้สารฟอกขาวประเภทคลอรีน บลีชได้
- สามเหลี่ยมและมีเส้นทแยง ห้ามใช้สารฟอกขาวที่มีส่วนผสมของคลอรีน
- สามเหลี่ยมและมีกากบาท คือห้ามใช้สารฟอกขาวทุกชนิด
4. การตาก
เพราะการตากผ้า ไม่ใช่เพียงแค่แขวนกับไม้แขวน หรือพาดไว้บนราวแล้วผ้าก็แห้งเหมือนกัน จริง ๆ แล้วการทำแบบนั้นโดยไม่อ่านสัญลักษณ์ซักผ้าบนป้าย อาจทำให้เสื้อผ้าสวย ๆ ของเราเสียรูปทรงได้ โดยสัญลักษณ์การตากจะแสดงเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่มีเส้นต่าง ๆ ภายใน โดยแต่ละแบบมีความหมาย ดังนี้

- สี่เหลี่ยม สามารถตากแห้งได้ด้วยวิธีไหนก็ได้
- สี่เหลี่ยมและมีเส้นครึ่งวงกลมอยู่ด้านบน สามารถตากผ้าให้แห้งได้ด้วยการแขวน
- สี่เหลี่ยมและมีเส้นแนวนอนอยู่ตรงกลาง 1 ขีด ให้วางหรือตากผ้าในแนวราบ
- สี่เหลี่ยมและมีเส้นทแยงมุม บริเวณมุมซ้ายบน สามารถตากได้ทุกวิธี แต่ควรต้องตากในร่มเท่านั้น
- สี่เหลี่ยมและมีเส้นแนวตั้ง 3 เส้น ให้ตากผ้าโดยใช้ไม้หนีบหนีบผ้า ขณะที่ผ้ายังเปียกอยู่ และควรจัดให้ผ้าเรียบ
- สี่เหลี่ยมและมีกากบาท ห้ามตากผ้า อาจจะแนะนำให้ซักแห้งแทน
- รูปผ้าที่ถูกบิดและมีกากบาททับ ห้ามบิดผ้าก่อนนำไปตาก
5. การอบแห้ง
เชื่อว่าปัจจุบันหลาย ๆ คนที่ต้องการความสะดวกในการซักผ้าก็มักจะไปใช้บริการร้านสะดวกซักกันอยู่บ่อย ๆ หลังจากซักเสร็จก็จะหยิบผ้าเข้าเครื่องอบเลยทันที อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น แต่อย่าลืมด้วยว่า ผ้าบางชนิดก็ไม่สามารถอบได้ ผ้าบางชนิดอบแล้วอาจจะหดลงไป ซึ่งสัญลักษณ์ซักผ้าในหมวดการอบแห้ง จะเป็นรูปวงกลมในรูปสี่เหลี่ยม โดยแต่ละชนิดจะแตกต่างกันออกไป ดังนี้

- วงกลมสีขาว สามารถอบผ้าได้ทุกอุณหภูมิ
- วงกลมสีดำทึบ อบผ้าแบบเป่าลมเย็น ไม่ใช้ความร้อน
- วงกลมมี 1 จุดตรงกลาง สามารถอบผ้าได้ที่ที่อุณหภูมิประมาณ 60°C (อุณหภูมิต่ำ)
- วงกลมมี 2 จุดตรงกลาง สามารถอบผ้าได้ที่ที่อุณหภูมิประมาณ 70°C (อุณหภูมิกลาง)
- วงกลมมี 3 จุดตรงกลาง สามารถอบผ้าได้ที่ที่อุณหภูมิประมาณ 80°C (อุณหภูมิสูง)
- วงกลมและมีกากบาท ห้ามอบผ้าโดยเด็ดขาด
6. การซักแห้ง
การทำความสะอาดเสื้อผ้าที่ต้องการการดูแลพิเศษ โดยใช้น้ำยาแทนน้ำในการซัก หรือที่เรียกกันว่า “ซักแห้ง” ซึ่งสัญลักษณ์ซักผ้าในหมวดการซักแห้งนั้น จะเป็นรูปวงกลมพร้อมตัวอักษรกำกับ บอกถึงชนิดของน้ำยาที่สามารถใช้ได้ เช่น

- วงกลม ไม่มีตัวอักษร สามารถซักแห้งได้
- วงกลม ตัวอักษร A สามารถซักแห้งโดยใช้น้ำยาได้ทุกชนิด
- วงกลม ตัวอักษร P ห้ามใช้ไตรคลอโรเอทธิลีนในการซักแห้ง
- วงกลม ตัวอักษร F ใช้น้ำยาซักผ้าชนิดสารละลายไฮโดรคาร์บอนในการซักแห้งเท่านั้น
- วงกลมและมีกากบาททับ ห้ามซักแห้งเด็ดขาด
7. การรีด
สำหรับสัญลักษณ์ซักผ้าในหมวดสุดท้าย คือการรีดผ้า ซึ่งจะบอกว่าควรรีดผ้าได้ในอุณหภูมิเท่าไหร่ได้บ้าง และสามารถใช้เตารีดแบบไหนในการรีดได้บ้าง ดังนี้

- รูปเตารีด สามารถรีดผ้าได้ทุกอุณหภูมิ
- รูปเตารีด และมี 1 จุด ให้รีดผ้าด้วยความร้อนต่ำ หรือไม่เกิน 100 องศาเซลเซียส
- รูปเตารีด และมี 2 จุด ให้รีดผ้าด้วยความร้อนปานกลาง หรือไม่เกิน 150 องศาเซลเซียส
- รูปเตารีด และมี 3 จุด ให้รีดผ้าด้วยความร้อนสูงได้ หรือไม่เกิน 200 องศาเซลเซียส
- รูปเตารีด และมีกากบาทใต้เตารีด ห้ามรีดผ้าด้วยเตารีดไอน้ำ
- รูปเตารีดมีกากบาททับ ห้ามรีดผ้าเด็ดขาด
สรุปบทความ
การทำความเข้าใจสัญลักษณ์ซักผ้าเป็นพื้นฐานสำคัญในการดูแลรักษาเสื้อผ้าให้คงความสวยงามและใช้งานได้ยาวนาน ที่ CODE CLEAN แฟรนไชส์ร้านซักผ้าชั้นนำของไทย เรามีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าคุณภาพสูงจาก SPINZ พร้อมอุณหภูมิน้ำ 3 ระดับทั้ง น้ำร้อน น้ำอุ่นและน้ำเย็น สำหรับเสื้อผ้าแต่ละประเภทตามสัญลักษณ์ซักผ้าที่ระบุ ให้คุณมั่นใจได้ว่าเสื้อผ้าของคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีจากทุกสาขาของธุรกิจร้านสะดวกซัก CODE CLEAN ช่วยให้คุณประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว