วิธีซักผ้าให้สะอาดและหอมยาวนาน มีวิธีอะไรบ้างที่ควรและไม่ควรทำ

การซักผ้าให้สะอาดและหอมยาวนานเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ แต่วิธีซักผ้าให้สะอาดและหอมได้ยาวนานไม่ใช่เรื่องง่ายหากไม่มีการดูแลที่เหมาะสม วิธีซักผ้าที่ถูกต้องไม่เพียงแต่ทำให้ผ้าสะอาด แต่ยังช่วยให้ผ้าหอมสดชื่นและไม่เสื่อมสภาพเร็ว 

นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดความเสียหายต่อผ้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการซัก ในบทความนี้ CODE CLEAN จะมาแนะนำวิธีซักผ้าที่ควรทำและไม่ควรทำ เพื่อให้คุณสามารถดูแลผ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของผ้าให้ยาวนานที่สุด

วิธีซักผ้าให้สะอาดและหอมที่ควรทำ

การซักผ้าที่ถูกวิธีไม่เพียงแต่ทำให้ผ้าสะอาด แต่ยังช่วยให้ผ้าหอมยาวนานและไม่เสื่อมสภาพเร็ว มาดูกันว่ามีวิธีซักผ้าอะไรบ้างที่ควรทำเพื่อให้ผ้าสะอาดและหอมได้ยาวนาน

1. ใช้น้ำร้อนในการแช่และซัก 

การใช้น้ำร้อนในการแช่และซักผ้าเป็นวิธีซักผ้าที่ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในผ้า นอกจากนี้การใช้น้ำร้อนยังสามารถช่วยกำจัดคราบมัน คราบสกปรก และสารตกค้างที่ติดอยู่ในเส้นใยผ้าได้ดีขึ้น ทำให้ผ้าสะอาดและหอมสดชื่นมากขึ้นได้อีกด้วย

2. ใช้ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น

การเลือกใช้ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นที่มีคุณภาพดี เป็นวิธีซักผ้าที่ช่วยให้ผ้าหอมยาวนานและนุ่มฟู ผงซักฟอกสูตรเข้มข้นจะช่วยกำจัดคราบสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่น้ำยาปรับผ้านุ่มจะช่วยให้ผ้ามีกลิ่นหอมติดทนนานขึ้น

3. ซักเสร็จให้รีบตาก

หลังจากซักผ้าเสร็จควรรีบนำผ้าไปตากทันที เพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นอับ การสะสมของแบคทีเรีย และช่วยรักษาความหอม ความสดชื่นของผ้าไว้ได้

4. ล้างถังซักผ้าเป็นประจำ

การล้างถังซักผ้าเป็นประจำจะช่วยกำจัดคราบสกปรกและเชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในถังซัก ทำให้ผ้าสะอาดและปลอดภัยต่อการใช้งาน แนะนำว่าควรล้างถังซักผ้าอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้า ลดการเกิดปัญหาที่เกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรกในถังซัก ทำให้เครื่องซักผ้าทำงานได้มีประสิทธิภาพและยาวนาน

5. ตากผ้าในที่ร่ม

การตากผ้าในที่ร่ม เป็นวิธีซักผ้าที่ช่วยป้องกันการเกิดรอยสีซีดจางจากแสงแดด และช่วยให้ผ้าหอมสดชื่นได้นานขึ้น หากต้องการให้ผ้าแห้งเร็วและไม่มีกลิ่นอับ การใช้เครื่องอบผ้าก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี เพราะเครื่องอบผ้าสามารถควบคุมอุณหภูมิและการหมุนเวียนอากาศได้ดี ทำให้ผ้าแห้งเร็วและปลอดฝุ่น

หรือแนะนำให้เลือกใช้บริการ ร้านสะดวกซัก หรือ ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ ที่มีเครื่องอบผ้า เพื่อความสะดวกและประหยัดเวลามากขึ้น ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าผ้าจะสะอาด หอมสดชื่น และพร้อมใช้งานทุกครั้ง

6. ใช้สเปรย์ฉีดผ้าหอม

การใช้สเปรย์ฉีดผ้าหอมจะช่วยเพิ่มความหอมให้กับผ้าและช่วยให้กลิ่นหอมนั้นติดทนนาน เพียงฉีดสเปรย์บางๆ ลงบนผ้าหลังจากที่ผ้าแห้งแล้ว ก็จะช่วยให้ผ้าหอมสดชื่นได้ยาวนาน

6. ใช้สเปรย์ฉีดผ้าหอม

แชร์ 7 วิธีการซักผ้าแบบผิด ๆ ที่ไม่ควรทำ

วิธีซักผ้าแบบผิดๆ อาจทำให้ผ้าไม่สะอาดและเกิดความเสียหายได้ มาดูกันว่า 7 วิธีซักผ้าแบบผิด ๆ ที่ควรหลีกเลี่ยงมีอะไรบ้าง

1. ใส่ผงซักฟอกมากเกินไป

วิธีซักผ้าแบบใส่ผงซักฟอกมากเกินไปไม่ทำให้ผ้าสะอาดขึ้น แต่กลับทำให้เกิดคราบผงซักฟอกที่ตกค้างบนผ้าและในถังซัก ควรใช้ผงซักฟอกในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิต

2. ปริมาณผ้าเยอะเกินไป

การใส่ผ้าในเครื่องซักผ้ามากเกินไป เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะจะทำให้ผ้าไม่สะอาด  เนื่องจากน้ำและผงซักฟอกไม่สามารถซึมซับและทำความสะอาดผ้าได้ทั่วถึง ผ้าที่อยู่ในเครื่องซักผ้าแน่นเกินไปจะไม่สามารถหมุนเวียนได้อย่างถูกต้อง ทำให้การซักไม่สะอาดและผ้าอาจมีกลิ่นอับ ควรซักผ้าในปริมาณที่พอดีกับความจุของเครื่องซักผ้าเพื่อให้การซักมีประสิทธิภาพ

3. แยกผ้าผิดประเภท

วิธีซักผ้าโดยการไม่แยกผ้าตามประเภทหรือสีอาจทำให้ผ้าสีตกหรือผ้าขาวเปื้อนสี เพราะผ้าบางชนิดอาจต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ซึ่งการซักผ้าที่ผิดประเภทอาจทำให้ผ้าเสียหายหรือสีตกได้ ควรแยกผ้าสีและผ้าขาว รวมถึงแยกผ้าตามประเภทของเนื้อผ้าเพื่อให้การซักมีประสิทธิภาพและผ้าคงความสวยงาม

4. ใช้ผงซักฟอกผิดประเภท

 วิธีซักผ้าโดยการใช้ผงซักฟอกผิดประเภทอาจทำให้ผ้าไม่สะอาดหรือเกิดความเสียหาย ซึ่งผงซักฟอกแต่ละชนิดมีสูตรเฉพาะสำหรับผ้าต่างๆ เช่น ผงซักฟอกสำหรับผ้าขาว ผงซักฟอกสำหรับผ้าสี และผงซักฟอกสำหรับผ้าบอบบาง ควรเลือกใช้ผงซักฟอกที่เหมาะสมกับประเภทของผ้าและเครื่องซักผ้าที่ใช้

5. ซักชุดออกกำลังกายด้วยเครื่องซักผ้า

ชุดออกกำลังกายมักทำจากวัสดุที่บอบบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ วัสดุที่ใช้ทำชุดออกกำลังกายมักมีคุณสมบัติในการระบายอากาศและยืดหยุ่น ซึ่งการซักด้วยเครื่องซักผ้าอาจทำให้ชุดเสื่อมสภาพเร็ว ควรซักมือหรือใช้โปรแกรมซักผ้าที่เหมาะสมกับชุดออกกำลังกายเพื่อรักษาคุณภาพของชุดและยืดอายุการใช้งาน

6. ไม่รูดซิปก่อนซัก

การไม่รูดซิปก่อนซักอาจทำให้ซิปเกี่ยวกับผ้าชิ้นอื่นและทำให้เกิดความเสียหาย เส้นใยผ้าขาดหรือเกิดรอยขีดข่วน ควรรูดซิปให้เรียบร้อยก่อนใส่ผ้าลงเครื่องซักผ้าเพื่อป้องกันความเสียหายและรักษาคุณภาพของผ้า

7. ไม่ปลดกระดุมก่อนซัก

การไม่ปลดกระดุมก่อนซักอาจทำให้กระดุมดึงรั้งผ้าจนเสียหาย กระดุมที่ไม่ได้ปลดอาจทำให้เส้นใยผ้าขาดหรือเกิดรอยฉีกขาด ควรปลดกระดุมทุกเม็ดก่อนซักเพื่อป้องกันความเสียหายและรักษาคุณภาพของผ้า

สรุปบทความ

การซักผ้าให้สะอาดและหอมยาวนานไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากปฏิบัติตามวิธีที่ควรทำและหลีกเลี่ยงวิธีซักผ้าที่ไม่ควรทำตามที่  CODE CLEAN นำมาฝาก  ก็จะช่วยให้ผ้าของคุณสะอาด มีกลิ่นหอมสดชื่นอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดความเสียหายต่อเนื้อผ้าและรักษาคุณภาพของผ้าได้ดีอีกด้วย