วิธีใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ฝาบนกับฝาหน้า แตกต่างกันยังไง?
เครื่องซักผ้าฝาบน และฝาหน้า เป็นเครื่องซักผ้าที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และมักจะถูกนำมาใช้งานในร้านสะดวกซัก ซึ่งเราเชื่อว่าคงจะมีน้อยคนที่ทราบวิธีใช้งานที่ถูกต้องของเครื่องซักผ้าทั้ง 2 ประเภท ยิ่งถ้าต้องไปใช้งานเครื่องซักผ้าที่ไม่คุ้นเคย ก็คงจะต้องใช้เวลาเรียนรู้กันพอสมควร ซึ่งในวันนี้ CODE CLEAN จะพาคุณมาทำความรู้จักวิธีใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญฝาบน และฝาหน้า ว่ามีความแตกต่างกันยังไง แล้วควรเลือกเครื่องซักผ้าแบบไหนถึงจะใช้งานได้สะดวกกว่า
ทำความรู้จักเครื่องซักผ้าฝาบน และฝาหน้า
เครื่องซักผ้าฝาบน: เป็นเครื่องซักผ้าที่ถูกออกมาให้มีฝาอยู่บริเวณด้านบนของเครื่อง ซึ่งจะใช้ใบพัดหมุนสลับไปมาในการปั่นผ้า และมีตัวถังแบบตั้งตรง นอกจากนี้ยังสามารถใส่เสื้อผ้าเพิ่มเข้าไประหว่างรอบการซักได้อีกด้วย
เครื่องซักผ้าฝาหน้า: เป็นเครื่องที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยจะมีลักษณะเป็นฝาเปิดด้านหน้าเครื่อง และมีการหมุนของถังซักในลักษณะของวงล้อ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ซักผ้าสะอาดขึ้น เช่น การซักโดยน้ำร้อน หรือน้ำอุ่นเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น ทำให้เครื่องซักผ้าฝาหน้าได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า และร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ
เครื่องซักผ้าฝาบน VS ฝาหน้า แตกต่างกันอย่างไร?
ฝาบน | ฝาหน้า | |
การประหยัดน้ำ | เครื่องซักผ้าฝาหน้า จะใช้ปริมาณน้ำที่พอดีกับระดับเสื้อผ้า ทำให้สามารถประหยัดน้ำได้มากกว่าเครื่องซักผ้าฝาบน | |
ประสิทธิภาพความสะอาด | เครื่องซักผ้าฝาบน จะใช้การหมุนบิดไปมาของใบพัด ทำให้ผ้ากระจุกกันเป็นก้อน และไม่สามารถขจัดคราบฝังลึกได้ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้ยังอาจทำให้เส้นใยของเสื้อผ้าได้รับความเสียหายได้อีกด้วย | เครื่องซักผ้าฝาหน้าจะมีลักษณะการหมุนของถังซักแบบวงล้อ และมีเทคโนโลยีทำความสะอาดที่ล้ำสมัย ทำให้สามารถขจัดคราบฝังลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
ระยะเวลาในการซัก | – ซักผ้าฝาบนที่มีการเติมน้ำเพียงครั้งเดียวระหว่างรอบการซัก จะใช้เวลาเพียง 60-85 นาทีเท่านั้น – เครื่องซักผ้าฝาบนจะมีแรงปั่นประมาณ 850 รอบต่อนาทีเท่านั้น ทำให้เสื้อผ้ามีความชื้นมากกว่า | – เครื่องซักผ้าฝาหน้า จะใช้เวลาในการซักประมาณ 60-120 นาที เนื่องจากมีขั้นตอนการซักทำความสะอาดหลายขั้นตอน ทั้งทิศทางการหมุนให้น้ำทั่วถึงเสื้อผ้า การเทน้ำออกและเติมน้ำเข้าใหม่ – เครื่องซักผ้าฝาหน้า จะมีแรงปั่นประมาณ 1,400 รอบต่อนาที และหากเป็นเครื่องซักรุ่นใหม่ก็สามารถตั้งค่าให้สูงกว่านี้ได้อีก |
วิธีใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ฝาบน VS ฝาหน้า
ได้ทราบความแตกต่างของเครื่องซักผ้าทั้ง 2 ประเภทกันไปแล้ว อันดับต่อไป CODE CLEAN ก็จะขอมาแนะนำวิธีใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญแบบฝาบน และฝาหน้าให้คุณได้ทราบกัน
วิธีใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญฝาบน
- ใส่เสื้อผ้าเข้าไปในเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ โดยไม่ควรใส่เกินขีดที่กำหนดไว้ เพราะอาจทำให้เครื่องไม่ทำงาน หรือผ้าสะอาดไม่ทั่วได้
- ใส่ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้า เปิดช่องใส่ผงซักฟอกที่อยู่ภายในเครื่องซัก แล้วใส่ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าลงไปให้อยู่บริเวณขีดที่กำหนด
- ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม เมื่อใส่ผงซักฟอกเรียบร้อยแล้ว ให้ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงในช่องสำหรับน้ำยาปรับผ้านุ่มโดยเฉพาะ หรือจะเทลงบนเสื้อผ้าโดยตรงก็ได้เช่นกัน เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมให้เสื้อผ้า และทำให้ผ้านุ่มสบายยิ่งขึ้น
- จ่ายเงิน ร้านสะดวกซักในปัจจุบัน มีทั้งแบบที่ให้หยอดเหรียญ หรือใส่ธนบัตรลงในเครื่องซักผ้า และแบบสแกนจ่าย เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ให้กดปุ่ม Start แล้วรอเครื่องซักผ้าทำงานอัตโนมัติ
- รอซักผ้าตามเวลาที่กำหนด โดยปกติแล้ว ร้านสะดวกซักจะใช้เวลาในการซักผ้าประมาณ 50-60 นาที เมื่อครบเวลาแล้ว ก็สามารถย้ายผ้าจากเครื่องซักลงมายังเครื่องอบแห้งได้เลย
วิธีใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญฝาหน้า
- ใส่เสื้อผ้าเข้าไปในเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ โดยไม่ควรใส่เกินขีดที่กำหนดไว้ เพราะอาจทำให้เครื่องไม่ทำงาน หรือผ้าสะอาดไม่ทั่วได้
- ใส่ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้า เปิดช่องใส่ผงซักฟอกที่อยู่บนเครื่องซัก แล้วใส่ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าลงไปให้อยู่บริเวณขีดที่กำหนด
- ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม เมื่อใส่ผงซักฟอกเรียบร้อยแล้ว ให้ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงในช่องสำหรับน้ำยาปรับผ้านุ่มโดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมให้เสื้อผ้า และทำให้ผ้านุ่มสบายยิ่งขึ้น
- ตั้งอุณหภูมิตามความเหมาะสม โดยสามารถปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับคือ น้ำร้อน น้ำอุ่น และน้ำเย็น ซึ่งแต่ละอุณหภูมิก็จะเหมาะสำหรับการซักผ้าที่แตกต่างกันไป เช่น น้ำร้อนเหมาะกับเสื้อผ้าที่มีคราบสกปรกฝังลึก เพราะสามารถฆ่าเชื้อโรค และแบคทีเรียได้ดี
- จ่ายเงิน ร้านสะดวกซักในปัจจุบัน มีทั้งแบบที่ให้หยอดเหรียญ หรือใส่ธนบัตรลงในเครื่องซักผ้า และแบบสแกนจ่าย เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ให้กดปุ่ม Start แล้วรอเครื่องซักผ้าทำงานอัตโนมัติ
- รอซักผ้าตามเวลาที่กำหนด โดยปกติแล้ว ร้านสะดวกซักจะใช้เวลาในการซักผ้าประมาณ 25-40 นาที เมื่อครบเวลาแล้ว ก็สามารถย้ายผ้าจากเครื่องซักลงมายังเครื่องอบแห้งได้เลย
ซักผ้ากับ CODE CLEAN ดียังไง?
CODE CLEAN เป็นร้านสะดวกซักที่เลือกใช้เครื่องซักผ้าฝาหน้าและเครื่องอบผ้าจากแบรนด์ Blue Whale ที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำ ไม่ว่าจะเป็น ระบบแจ้งเตือนสถานะการซักผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ, เครื่อง Vending ที่คุณสามารถซื้อขนม ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม สั่งการเครื่องซักผ้า และจ่ายเงินผ่านเครื่องด้วยเงินสด หรือพร้อมเพย์ได้อย่างสะดวกสบาย
- ซักผ้า อบผ้า จบในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
- บริการจำหน่ายน้ำยาซัก และของกินเล่น ยกมาแค่ผ้าก็ซักได้เลย
- ไม่ต้องแลกเหรียญให้ยุ่งยาก จะจ่ายแบงค์หรือสแกนจ่ายก็ทำได้ครบจบในที่เดียว
- แจ้งเตือนสถานะการซักผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ไม่ต้องจับเวลาเอง
- บริเวณที่นั่งรอมี WiFi และพัดลมเย็น ๆ ไว้คอยบริการ
และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับความแตกต่างของเครื่องซักผ้าแต่ละประเภท และวิธีใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญทั้งฝาบนและฝาหน้าที่ CODE CLEAN นำมาแบ่งปันกันในบทความนี้ ซึ่งเราเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เป็นประโยชน์เฉพาะผู้ที่ต้องการไปใช้ร้านสะดวกซัก หรือเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ แต่ยังเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องซักผ้ามาใช้งานที่บ้านอีกด้วย
สุดท้ายนี้ ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่ไม่ชอบการซักผ้าด้วยตัวเอง ลองเข้าไปใช้บริการร้านสะดวกซัก CODE CLEAN ในสาขาใกล้บ้านคุณสักครั้ง รับรองว่าคุณจะลืมการซักผ้าแบบเดิม ๆ ไปเลย!