6 วิธีซ่อมเครื่องซักผ้า พร้อมแนะนำวิธีดูแลและใช้งานเครื่องซักผ้าที่ถูกต้อง

เครื่องซักผ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะช่วยให้การทำความสะอาดผ้าเป็นเรื่องง่าย แน่นอนว่า เมื่อมีการใช้งานเครื่องซักผ้าเป็นประจำ การดูแลและบำรุงรักษาให้ดีก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมเครื่องซักผ้าไปได้ ซึ่งถ้าในตอนนี้คุณกำลังเจอปัญหาเครื่องซักผ้าทำงานผิดปกติ แต่ไม่อยากเสียเงินและเวลาในการจ้างช่างมาซ่อมเครื่องซักผ้าให้ ลองมาดูวิธีซ่อมบำรุงเครื่องซักผ้าที่ CODE CLEAN รวมมาแนะนำกันดีกว่า รับรองว่าคุณจะสามารถแก้ปัญหาและซ่อมเครื่องซักผ้าในเบื้องต้นด้วยตัวเองได้อย่างแน่นอน

วิธีซ่อมเครื่องซักผ้ากับ 6 ปัญหาที่พบบ่อย

สำหรับวิธีซ่อมเครื่องซักผ้าที่ CODE CLEAN รวบรวมมาแนะนำนี้ จะเป็นการแนะนำวิธีซ่อมตามปัญหาที่พบ ซึ่งปัญหาจากการใช้งานเครื่องซักผ้าที่สามารถพบได้บ่อยจะมีทั้งหมด 6 อย่าง ดังนี้

1. ปัญหาน้ำไม่เข้าเครื่องซักผ้า

1. ปัญหาน้ำไม่เข้าเครื่องซักผ้า

หากพบว่าเมื่อกดปุ่มเริ่มการทำงานของเครื่องซักผ้าแล้ว แต่กลับไม่มีน้ำเข้ามาในเครื่องซักผ้า ให้ลองตรวจสอบดังนี้

  • ตรวจดูว่าก๊อกน้ำเปิดสนิทดี และไม่มีสิ่งอุดตันท่อน้ำทางเข้า
  • นำท่อน้ำทางเข้าออกมาทำความสะอาด เพราะอาจมีสิ่งสกปรกอุดตันอยู่
  • ถอดแผงครอบด้านหลังเครื่องออก แล้วค้นหาวาล์วน้ำทางเข้า ตรวจสอบว่าวาล์วนั้นทำงานปกติหรือไม่ โดยเปิดปิดวาล์วดู ถ้าวาล์วติดขัด ให้ใช้คีมปากแหลมหรือเครื่องมือที่ไม่คมค่อย ๆ งัดให้วาล์วขยับได้
  • หากยังไม่สำเร็จ วาล์วทางเข้าน้ำอาจจะเสียและต้องเปลี่ยนใหม่

2. ปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ทำงาน

เมื่อกดปุ่มเริ่มโปรแกรมการซักแล้ว แต่เครื่องซักผ้ากลับไม่ทำงาน ให้ตรวจสอบเบื้องต้นดังนี้

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าปลั๊กของเครื่องซักผ้าถูกเสียบอยู่ และเครื่องซักผ้าถูกสามารถใช้งานได้
  • ตรวจดูว่าบริเวณรอบเครื่องมีฝุ่นสะสมจนส่งผลกระทบต่อระบบทำความเย็นหรือไม่ ควรเป่าฝุ่นและทำความสะอาดรอบ ๆ เครื่อง
  • ลองหมุนปุ่มเลือกรอบซักต่าง ๆ ดู หากใช้งานได้ตามปกติ แต่เครื่องไม่ทำงานบางรอบ อาจจะมีปัญหาที่บอร์ดควบคุมหรือมอเตอร์ขับรอบนั้น ๆ
2.3. ปัญหาน้ำรั่วออกมาจากเครื่องซักผ้า

3. ปัญหาน้ำรั่วออกมาจากเครื่องซักผ้า

หากพบว่ามีน้ำรั่วซึมออกมาจากเครื่องซักผ้า อาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ดังนี้

  • ท่อน้ำทิ้งชำรุดหรือรั่ว สามารถแก้ไขได้ด้วยการเปลี่ยนท่อน้ำทิ้งใหม่
  • แหวนยางรองฝาเครื่องเสียหาย เปลี่ยนแหวนยางใหม่
  • ปั๊มระบายน้ำเสีย ต้องเปลี่ยนปั๊มน้ำใหม่
  • ถังด้านในรั่วหรือมีรอยรั่วซึม อาจต้องเปลี่ยนถังในใหม่

4. ปัญหาเครื่องซักผ้าปั่นเสียงดัง

เชื่อว่าคนที่ใช้งานเครื่องซักผ้ามาเป็นเวลานาน ๆ อาจจะเคยเจอปัญหาเครื่องซักผ้าปั่นเสียงดัง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก

  • ลูกกลิ้งของเครื่องเสียหรือสึกหรอ ต้องเปลี่ยนลูกกลิ้งใหม่
  • เครื่องซักผ้าไม่ได้แนวระดับพื้น แนะนำให้ปรับขาเครื่องให้ได้ระดับที่สมดุล
3.5. ปัญหาเครื่องไม่ปั่นผ้าตามปกติ

5. ปัญหาเครื่องไม่ปั่นผ้าตามปกติ

ถ้าคุณสังเกตว่าผ้าไม่ค่อยแห้งหรือมีน้ำเหลืออยู่เยอะเกินไปหลังจากการปั่น สาเหตุอาจมาจากระบบปั่นของเครื่องทำงานผิดปกติ ให้ตรวจสอบดังนี้

  • ตรวจเช็กสภาพของมอเตอร์ขับปั่น หากพบว่าอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมใช้งานให้เปลี่ยนใหม่ในทันที
  • หากพบว่าลูกกลิ้งหมุนติดขัด ให้นำลูกกลิ้งออกมาทำความสะอาดให้เรียบร้อย

6. ปัญหาเครื่องไม่ผสมผงซักฟอก

ถ้าเครื่องซักผ้าทำงาน แต่กลับไม่ผสมผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มที่อยู่ในช่องใส่น้ำยา ให้ตรวจสอบดังนี้

  • สายท่อดูดน้ำยาอาจอุดตัน ให้ออกแรงดูดลมท่อนั้น หรือถอดสายท่อออกมาทำความสะอาด
  • หมั่นทำความสะอาดช่องใส่น้ำยาเป็นประจำ เพราะอาจมีสิ่งสกปรก หรือคราบผงซักฟอกอุดตันอยู่ภายใน
4.เทคนิคการใช้งานเครื่องซักผ้าที่ถูกต้อง

ทำรู้จักกับประเภทของเครื่องซักผ้า ก่อนซ่อมเครื่องซักผ้ากัน

ก่อนที่จะลงมือซ่อมเครื่องซักผ้า ควรทำความเข้าใจถึงประเภท และหลักการทำงานเบื้องต้นของเครื่องซักผ้าแต่ละชนิด โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถแบ่งเครื่องซักผ้าที่ใช้ในครัวเรือนได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือเครื่องซักผ้าฝาหน้าและเครื่องซักผ้าฝาบน ซึ่งแต่ละประเภทก็มีลักษณะการทำงาน ข้อดีและข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกันไป ดังนี้ 

เครื่องซักผ้าฝาหน้า

เครื่องซักผ้าฝาหน้า (Front-Load Washing Machine) เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน มีลักษณะเด่น คือฝาสำหรับใส่ผ้าจะอยู่ด้านหน้าของตัวเครื่อง การทำงานของเครื่องอาศัยหลักการหมุนของถังในแนวนอน ทำให้ผ้าถูกยกขึ้นและตกลงมาในถังซัก คล้ายกับการซักด้วยมือ ซึ่งช่วยให้ซักผ้าได้สะอาดและถนอมเนื้อผ้าได้ดีกว่า  

เครื่องซักผ้าฝาบน

เครื่องซักผ้าฝาบน (Top-Load Washing Machine) เป็นรูปแบบดั้งเดิมที่คุ้นเคยกันดี มีฝาสำหรับใส่ผ้าอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง ทำให้สะดวกต่อการใส่ผ้าและนำผ้าออกจากถังซักโดยไม่ต้องก้มตัว สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 2 ชนิดหลัก คือเครื่องซักผ้าฝาบนแบบถังเดี่ยวอัตโนมัติ และเครื่องซักผ้าฝาบนแบบสองถัง  

รวมวิธีซ่อมเครื่องซักผ้า จากช่างผู้เชี่ยวชาญ

เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่งอาจเกิดปัญหาขัดข้องได้ โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าที่ใช้งานเป็นประจำอาจเกิดปัญหาได้บ่อยครั้ง เราได้รวบรวมวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นจากช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณสามารถตรวจเช็กและซ่อมแซมเครื่องซักผ้าของคุณได้ด้วยตัวเอง ดังนี้   

1. วิธีซ่อมเครื่องซักผ้าจากปัญหาน้ำไม่เข้าเครื่องซักผ้า

  • ตรวจสอบวาล์วน้ำและท่อน้ำเข้า ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เปิดวาล์วน้ำที่จ่ายน้ำเข้าเครื่องซักผ้าแล้ว และสายยางน้ำเข้าไม่มีการหักงอหรือบิดเบี้ยวจนน้ำไม่สามารถไหลผ่านได้
  • ทำความสะอาดตัวกรอง (ฟิลเตอร์) ที่ปลายสายยางทางฝั่งที่ต่อเข้ากับตัวเครื่อง จะมีตะแกรงกรองเล็กๆ อยู่ ให้ถอดสายยางออกแล้วทำความสะอาดตะแกรงกรองนี้ เพราะอาจมีเศษตะกรันหรือสิ่งสกปรกไปอุดตัน ทำให้น้ำไหลเข้าไม่สะดวก
  • ตรวจสอบประตูเครื่อง สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า ประตูจะต้องปิดให้สนิท เครื่องจึงจะเริ่มทำงานและปล่อยน้ำเข้า หากประตูปิดไม่สนิทหรือมีสิ่งของขวางอยู่ เครื่องจะไม่ทำงาน

2. วิธีซ่อมเครื่องซักผ้าจากปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ทำงาน

หากพบว่าเครื่องซักผ้าเปิดไม่ติด หรือไม่มีสัญญาณไฟใด ๆ ขึ้นเลย ให้ลองตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • ตรวจสอบระบบไฟฟ้า เริ่มจากการเช็กปลั๊กไฟว่าเสียบแน่นดีหรือไม่ ลองนำเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นมาเสียบเพื่อทดสอบว่าเต้ารับมีไฟจ่ายมาปกติหรือไม่ หากเต้ารับปกติ ให้ตรวจสอบที่เบรกเกอร์ของบ้านว่าถูกสับลงหรือไม่
  • ตรวจเช็กกระแสไฟ หากคุณมีความรู้ด้านไฟฟ้าและมีมัลติมิเตอร์ สามารถใช้ตรวจสอบได้ว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่ตัวเครื่องหรือไม่ หากมีกระแสไฟเข้าแต่เครื่องยังไม่ทำงาน อาจเป็นปัญหาที่แผงวงจรภายใน ซึ่งควรติดต่อช่างซ่อมเพื่อความปลอดภัย
  • สวิตช์ประตู (Lid Switch) สำหรับเครื่องซักผ้าฝาบน สวิตช์ตรงฝาถังอาจเป็นสาเหตุ หากสวิตช์นี้เสีย เครื่องจะไม่ทำงานเพื่อความปลอดภัย ลองตรวจสอบว่าสวิตช์อยู่ในสภาพดีหรือไม่

3. วิธีซ่อมเครื่องซักผ้าจากปัญหาน้ำรั่วออกมาจากเครื่องซักผ้า

  • ท่อน้ำทิ้งและท่อน้ำเข้า ตรวจสอบท่อน้ำทิ้งและท่อน้ำเข้าว่ามีรอยแตกหรือรั่วหรือไม่ หากมีรอยร้าวเล็กน้อยที่จุดเชื่อมต่อ อาจตัดปลายส่วนที่เสียหายออกแล้วต่อใหม่ แต่หากท่อเสื่อมสภาพมากแล้วควรเปลี่ยนใหม่ทั้งเส้น นอกจากนี้ให้ตรวจสอบว่าข้อต่อต่างๆ ขันแน่นดีแล้ว
  • ขอบยางฝาประตู (สำหรับเครื่องฝาหน้า) ขอบยางประตูที่เสื่อมสภาพหรือมีรอยฉีกขาดเป็นสาเหตุยอดนิยมของน้ำรั่วในเครื่องฝาหน้า ให้ทำความสะอาดคราบสกปรกที่ขอบยางเป็นประจำ หากพบรอยขาด ควรทำการเปลี่ยนขอบยางใหม่
  • ปั๊มระบายน้ำ ตรวจสอบบริเวณปั๊มระบายน้ำว่ามีรอยรั่วหรือแตกหรือไม่ ซึ่งอาจต้องให้ช่างผู้ชำนาญช่วยตรวจสอบและแก้ไข

4. วิธีซ่อมเครื่องซักผ้าจากปัญหาเครื่องซักผ้าปั่นเสียงดัง

  • สิ่งของแปลกปลอม ก่อนซักผ้าทุกครั้ง ควรตรวจสอบกระเป๋าเสื้อและกางเกงให้ดี เพื่อนำเหรียญ กุญแจ หรือสิ่งของอื่นๆ ออก เพราะอาจหลุดเข้าไปกระทบกับถังซัก ทำให้เกิดเสียงดังและสร้างความเสียหายได้
  • เครื่องไม่สมดุล ตรวจสอบว่าเครื่องซักผ้าได้ระดับหรือไม่ พื้นที่วางต้องเรียบและแข็งแรง หากพื้นไม่เรียบ ให้ทำการปรับระดับที่ขาตั้งของเครื่องซักผ้าทั้ง 4 มุมให้สมดุลและแนบสนิทกับพื้น ห้ามใช้วัสดุอื่นมารองขาเครื่อง
  • อะไหล่ภายในสึกหรอ หากเสียงดังเกิดขณะปั่น อาจเป็นสัญญาณว่าตลับลูกปืน (Bearing) ของแกนถังซักเริ่มสึกหรอ หรือโช้ครองรับแรงกระแทกเสีย ซึ่งเป็นปัญหาทางเทคนิคที่ควรเรียกช่างมาซ่อมแซม

5. วิธีซ่อมเครื่องซักผ้าจากปัญหาเครื่องไม่ปั่นผ้าตามปกติ

  • ปริมาณผ้าในถัง การใส่ผ้าเยอะเกินไปอาจทำให้เครื่องทำงานหนักและไม่สามารถปั่นได้ ลองนำผ้าบางส่วนออกแล้วสั่งปั่นแห้งอีกครั้ง
  • การระบายน้ำ เครื่องซักผ้าส่วนใหญ่จะไม่เข้าสู่โหมดปั่นแห้งหากยังมีน้ำขังอยู่ในถัง ให้ตรวจสอบท่อน้ำทิ้งว่ามีอะไรอุดตันหรือท่อพับงอหรือไม่ และทำความสะอาดฟิลเตอร์ของปั๊มน้ำทิ้งซึ่งมักจะอยู่ที่ด้านล่างของเครื่อง
  • สายพาน หากลองใช้มือหมุนถังซักแล้วรู้สึกว่าถังหมุนได้คล่องเกินไปโดยไม่มีแรงต้าน อาจเป็นไปได้ว่าสายพานที่เชื่อมระหว่างมอเตอร์กับถังซักหย่อนหรือขาด
  • มอเตอร์ หากตรวจสอบสาเหตุข้างต้นแล้วยังไม่พบปัญหา อาจเป็นไปได้ว่ามอเตอร์มีปัญหาหรือไหม้ ซึ่งจำเป็นต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญมาเปลี่ยนให้ 

6. วิธีซ่อมเครื่องซักผ้าจากปัญหาเครื่องไม่ผสมผงซักฟอก

ปัญหานี้ สาเหตุหลักมักเกิดจากคราบผงซักฟอกเก่าสะสมจนอุดตันท่อทางเดินน้ำยา ให้ถอดลิ้นชักออกมาล้างทำความสะอาด โดยอาจใช้น้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชูเพื่อช่วยขจัดคราบฝังแน่น ควรทำความสะอาดเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อสุขอนามัยที่ดีและป้องกันการอุดตัน 

เทคนิคการใช้งานเครื่องซักผ้าที่ถูกต้อง

การใช้งานเครื่องซักผ้าอย่างถูกต้อง จะช่วยยืดอายุการใช้งานและป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องซักผ้าได้ โดยเทคนิคการใช้งานเครื่องซักผ้าที่ถูกต้องมีดังนี้

  • อย่าใส่ผ้ามากเกินไปในแต่ละรอบซัก เพราะจะทำให้ผ้าไม่สะอาดและเครื่องทำงานหนักเกินไป
  • เลือกโปรแกรมการซักที่เหมาะสมกับประเภทของผ้า เช่น โปรแกรมซักผ้าสำหรับผ้าฝ้าย ผ้าลื่น หรือผ้าละเอียด เป็นต้น
  • ใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มในปริมาณที่เหมาะสม อย่าใส่มากหรือน้อยเกินไปจากคำแนะนำ
  • หมั่นทำความสะอาดช่องใส่ผงซักฟอกและตัวกรองเป็นประจำ เพื่อไม่ให้เกิดคราบสกปรกสะสมอยู่ภายใน
  • ควรเปิดประตูถังซักผ้าทิ้งไว้หลังการซักเสร็จ เพื่อระบายอากาศและป้องกันการเกิดเชื้อรา
  • หากมีขนสัตว์ติดอยู่บนเสื้อผ้า ควรพยายามดึงออกให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ขนสัตว์เหล่านั้นเข้าไปอุดตันและตกค้างอยู่ภายในเครื่องซักผ้า
  • ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าด้วยโหมดทำความสะอาดถังซักอย่างสม่ำเสมอ หากไม่มีโหมดทำความสะอาดถังซัก ให้เลือกโหมดการซักด้วยน้ำอุ่น และใส่น้ำส้มสายชูไป 1 ถ้วย จากนั้นปล่อยให้เครื่องทำงานตามปกติโดยไม่ต้องใส่ผ้าเข้าไป วิธีนี้จะช่วยทำความสะอาดเครื่องซักผ้าและขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
5.วิธีดูแลรักษาเครื่องซักผ้า ยืดอายุการใช้งาน ไม่ต้องซ่อมบ่อย

วิธีดูแลรักษาเครื่องซักผ้า ยืดอายุการใช้งาน ไม่ต้องซ่อมบ่อย

นอกจากการใช้งานเครื่องซักผ้าอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้าได้แล้ว การดูแลรักษาเครื่องซักผ้าก่อนและหลังการใช้งาน ก็จะช่วยให้เครื่องซักผ้าสามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าซ่อมเครื่องซักผ้าได้ โดยวิธีดูแลรักษาเครื่องซักผ้าที่ถูกต้อง มีดังนี้

  • ทำความสะอาดภายในเครื่องซักผ้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น น้ำส้มสายชูหรือน้ำยาล้างห้องน้ำเป็นประจำ เพื่อกำจัดคราบสกปรกและกลิ่นอับ
  • เช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องด้านนอกและฝาด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เพื่อขจัดฝุ่นละอองและรักษาความสะอาด
  • ตรวจสอบสายไฟเครื่องซักผ้าอยู่เสมอ หากพบว่าสายไฟชำรุดหรือมีรอยร้าวควรรีบเปลี่ยนใหม่ทันที
  • นำท่อน้ำเข้า-ออกออกมาทำความสะอาดคราบตะกรันเป็นประจำ
  • หลังใช้งานเสร็จควรเปิดประตูถังทิ้งไว้เพื่อระบายอากาศและป้องกันการเกิดเชื้อรา
  • หมั่นตรวจสอบอายุการใช้งานของอุปกรณ์ภายในเครื่อง เช่น ลูกกลิ้ง แหวนยางกันรั่ว เพื่อเปลี่ยนใหม่เมื่อชำรุด
  • ควรนำเหรียญ กระดาษ และสิ่งของต่าง ๆ ออกจากกระเป๋าเสื้อและกางเกงก่อนนำผ้าลงเครื่องทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านั้นเข้าไปอุดตันในตัวเครื่อง
  • หากพบว่าเครื่องมีปัญหา และไม่สามารถซ่อมเครื่องซักผ้าได้ด้วยตัวเอง แนะนำให้แจ้งช่างที่มีความเชี่ยวชาญมาซ่อมแซมและดูแลจะดีกว่า

และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีซ่อมเครื่องซักผ้าด้วยตัวเอง พร้อมเทคนิคการใช้งานและการดูแลเครื่องซักผ้าที่ถูกต้องที่ CODE CLEAN รวบรวมมาแบ่งปันให้กับคุณ ซึ่งหากคุณนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ รับรองว่าคุณจะสามารถซ่อมเครื่องซักผ้าด้วยตัวเองในเบื้องต้นได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ หากพบว่าปัญหาเครื่องซักผ้าที่เผชิญอยู่นั้นยากเกินจะรับไหว แนะนำว่าควรจะเรียกช่างที่มีความชำนาญมาคอยดูแลจะดีกว่า

สุดท้ายนี้ CODE CLEAN เป็นผู้ให้บริการแฟรนไชส์เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ที่จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถสร้าง Passive Income ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้เรายังมีบริการซ่อมเครื่องซักผ้าโดยทีมวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญ ไว้คอยบริการผู้ลงทุนอีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจลงทุน หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ผ่านช่องทางดังนี้

  • โทร: 099 446 4426 (Call center)
  • โทร: 095 250 9454 (Sale)
  • E-Mail: info@code-clean.com

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save