ซักผ้าด้วยน้ำร้อน น้ำอุ่น และน้ำเย็นต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกับเนื้อผ้าที่สุด
ถึงแม้ว่าการซักผ้าจะดูเป็นเรื่องง่ายและใครก็สามารถทำได้ แต่การซักผ้าอย่างถูกวิธีต้องใช้ความใส่ใจในทุกรายละเอียด เช่น การแยกผ้าขาวกับผ้าสีออกจากกัน ใช้ถุงแยกในการซักผ้า ไม่ใส่ผ้าจนแน่นเกินไป รวมไปถึงการซักผ้าด้วยอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะการเลือกใช้อุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมในการซักผ้าจะช่วยยืดอายุการใช้งานและที่สำคัญยังช่วยถนอมเนื้อผ้าเสื้อตัวโปรดของคุณได้อีกด้วย แล้วการซักผ้าด้วยน้ำร้อน น้ำอุ่น และน้ำเย็น มีความแตกต่างกันอย่างไร ตามไปหาคำตอบที่ CODE CLEAN ร้านซักผ้าหยอดเหรียญชั้นนำ แจกทริคความรู้การซักผ้าได้ในบทความนี้
ความแตกต่างระหว่างซักผ้าด้วยน้ำร้อน น้ำอุ่น และน้ำเย็น
หากคุณต้องการให้เสื้อผ้าตัวโปรดมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สิ่งสำคัญคือการหมั่นสังเกตสัญลักษณ์ที่ติดมากับเสื้อผ้า เพราะเสื้อผ้าแต่ละตัวจะมีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าควรซักผ้าตัวนี้ด้วยอุณหภูมิน้ำแบบไหนถึงจะเหมาะสมมากที่สุด วิธีนี้เองจะช่วยยืดอายุการใช้งานและเป็นวิธีการถนอมผ้าที่ดีอีกด้วย มาดูกันว่าการซักผ้าด้วยน้ำร้อน น้ำอุ่น และน้ำเย็น แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
การซักผ้าด้วยน้ำร้อน
การซักผ้าด้วยน้ำร้อน คือการซักผ้าด้วยน้ำอุณหภูมิประมาณ 55 องศาเซลเซียส ซึ่งจุดเด่นของการซักผ้าด้วยน้ำร้อนคือสามารถขจัดคราบสกปรกต่าง ๆ ที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าให้ออกไปได้อย่างล้ำลึก แต่จะไม่เหมาะกับเนื้อผ้าที่มีความบาง เช่น ผ้าที่ทำมาจากใยสังเคราะห์ ผ้าฝ้าย หรือโพลีเอสเตอร์ เป็นต้น ซึ่งผ้าที่ทนทานต่อความร้อนและเหมาะสำหรับการซักด้วยน้ำร้อนจะเป็นผ้าขนหนู ผ้าห่ม ตุ๊กตา พรมปูพื้น เป็นต้น
การซักผ้าด้วยน้ำอุ่น
การซักผ้าด้วยน้ำอุ่น มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียและกำจัดไรฝุ่นได้เป็นอย่างดี เหมาะกับชนิดผ้าที่มีความแข็งแรง ไม่บางมาก เช่น ผ้าขนหนู ผ้าสังเคราะห์ 100% ผ้าสำลี เป็นต้น รวมทั้งยังเหมาะสำหรับการซักผ้าที่มีความสกปรกในระดับปานกลางมีคราบไม่ฝังลึกมากนัก แต่ไม่เหมาะสำหรับการซักผ้าเส้นใยธรรมชาติหรือผ้าสีเข้ม เพราะอาจทำให้เนื้อผ้าถูกทำลายได้
การซักผ้าด้วยน้ำเย็น
การซักผ้าด้วยน้ำเย็น มีจุดเด่นที่ช่วยในเรื่องของการขจัดคราบและร่องรอยสกปรกที่เกิดขึ้นจากโปรตีน เช่น คราบไข่ คราบเลือด คราบนม หรือคราบซอสมะเขือเทศ เป็นต้น เหมาะสำหรับการซักผ้าชนิดที่มีความบอบบางและสามารถทำความสะอาดได้ง่าย เช่น ผ้าไนลอน ผ้าซาติน ผ้าไหม ผ้ามัดย้อม รวมถึงชุดชั้นใน เป็นต้น แต่ถ้าหากนำผ้าประเภทเหล่านี้ไปซักด้วยน้ำร้อนหรือซักด้วยน้ำอุ่นจะทำให้เนื้อผ้าเสื่อมสภาพและเสียรูปทรงได้
สรุปบทความ
จะเห็นได้ว่าการซักผ้าด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมนั้นจะช่วยทำความสะอาดเสื้อผ้าได้อย่างสะอาดทั่วถึงและช่วยถนอมเนื้อผ้าได้เป็นอย่างดี หากคุณต้องการซักผ้าที่มีเนื้อบางเบา มีรอยเปื้อนไม่มากนัก ก็ควรเลือกใช้น้ำเย็นในการทำความสะอาด แต่ถ้าหากต้องการขจัดเชื้อโรคแบคทีเรีย ไรฝุ่นต่าง ๆ ก็ควรเลือกใช้น้ำอุ่นจึงจะเหมาะสมกว่า ซึ่งการเลือกอุณหภูมิที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุของเสื้อผ้าให้อยู่กับคุณได้อย่างยาวนานขึ้นอีกด้วยค่ะ